ในบทความนี้ เราจะพูดถึงแนวคิดที่น่าสนใจซึ่งเชื่อมโยงกับจิตใจและพฤติกรรมของมนุษย์ ซึ่งก็คือ id มันครอบครองพื้นที่สำคัญในความคิดเชิงวิเคราะห์ทางจิต โดยเฉพาะอย่างยิ่งในงานเชิงวิเคราะห์ที่พัฒนาโดยแพทย์ชาวออสเตรีย Sigmund Freud บิดาแห่งจิตวิเคราะห์

id คืออะไร

A คำว่า id มีต้นกำเนิดมาจากคำสรรพนามภาษาละตินที่มีชื่อเดียวกัน ซึ่งเทียบเท่ากับ “มัน” ไม่มากก็น้อย นอกจาก อัตตา และ ซูเปอร์อีโก แล้ว id ยังเป็นหนึ่งในองค์ประกอบของแบบจำลองไตรภาคีของบุคลิกภาพมนุษย์ที่ฟรอยด์สร้างขึ้น

id ตามความเห็นของฟรอยด์ สอดคล้องกับสัญชาตญาณ ความปรารถนา และแรงกระตุ้น แรงกระตุ้นที่ก้าวร้าว ความต้องการทางเพศ และความต้องการทางร่างกายเป็นส่วนประกอบหนึ่งของ id

id ในทางจิตวิเคราะห์

ตามคำกล่าวของ Freud id เป็นเพียงหนึ่งเดียวใน องค์ประกอบสามประการของบุคลิกภาพที่จะเกิดกับแต่ละบุคคลและสามารถมีแรงกระตุ้นที่ขัดแย้งกัน

แม้ว่าการทำงานของมันจะไม่เกิดขึ้นโดยไม่รู้ตัว แต่ id จะให้พลังงานเพื่อให้ชีวิตจิตใจที่มีสติสัมปชัญญะสามารถพัฒนาต่อไปได้ มันสามารถแสดงออกมาทางลิ้น ในงานศิลปะ และในแง่มุมอื่น ๆ ของการดำรงอยู่ที่ไร้เหตุผล การเชื่อมโยงความคิดและการวิเคราะห์ความฝันอย่างเสรีเป็นเครื่องมือที่มีประโยชน์ในการศึกษารหัสประจำตัวของบุคคล

แม้ว่ามันจะถูกวิพากษ์วิจารณ์โดยนักจิตวิเคราะห์ร่วมสมัยบางคน ซึ่งมองว่ามันง่าย แนวคิดของฟรอยด์เกี่ยวกับรหัสยังคงมีประโยชน์ในการชี้นำให้ความสนใจกับสัญชาตญาณและแรงกระตุ้นที่เป็นส่วนหนึ่งของบุคลิกภาพของมนุษย์และช่วยควบคุมพฤติกรรมของพวกเขา

ความแตกต่างระหว่างอัตตา หิริโอตตัปปะ และอัตตา

เราจะเห็นบางอย่าง ความแตกต่างระหว่างองค์ประกอบสามอย่างที่ฟรอยด์ระบุในบุคลิกภาพของมนุษย์

ดังที่กล่าวไว้ข้างต้น id ซึ่งเกี่ยวข้องกับความพึงพอใจในทันทีของความปรารถนาและแรงกระตุ้น ไม่สนใจความเป็นจริงและปรากฏก่อนองค์ประกอบอื่นๆ ของบุคลิกภาพ ซึ่ง เมื่อบุคคลเติบโตขึ้น พวกเขาก็จะพัฒนา ซึ่งช่วยให้มีปฏิสัมพันธ์ที่สมดุลมากขึ้นกับโลกโดยทั่วไปและกับผู้อื่น

เช่น อัตตาเกิดขึ้นเพื่อควบคุมความต้องการของ id ที่ไม่สมจริง เพื่อให้สอดคล้องกับพวกเขา สู่ความเป็นจริงและป้องกันไม่ให้เกิดผลร้ายต่อตัวบุคคล ประสิทธิภาพของอัตตาช่วยให้สามารถเลื่อนความพึงพอใจออกไปและค้นหาวิธีที่มีประสิทธิภาพในการบรรลุเป้าหมาย

อัตตาเป็นส่วนประกอบของบุคลิกภาพที่มีค่านิยมและกฎเกณฑ์ทางวัฒนธรรมที่เป็นอยู่ หลอมรวมและรวมเข้ากับบุคคลและพยายามควบคุมอัตตาเพื่อให้สอดคล้องกับสิ่งเหล่านั้น เราไม่ได้เกิดมาพร้อมกับมัน แต่เราพัฒนามันผ่านประสบการณ์ของเราในสังคมและการมีปฏิสัมพันธ์กับบุคคลผู้เป็นพ่อ เช่น พ่อแม่ ครู และผู้มีอำนาจอื่นๆ

ความรับผิดชอบต่อแนวคิดของผู้คนเกี่ยวกับสิ่งถูกและผิด หิริโอตตัปปะประกอบด้วย สิ่งที่เรามักเรียกว่าความรู้สึกผิดชอบชั่วดี ซึ่งตัดสินพฤติกรรมและวิพากษ์วิจารณ์การออกจากค่านิยมในทางปฏิบัติ เนื่องจากลักษณะและหน้าที่ของมัน มันมักจะต่อต้านความต้องการของไอดี

ในขณะที่ไอดีหมดสติอย่างสมบูรณ์ อัตตาและซูเปอร์อีโก้จะรับรู้บางส่วนและไม่รู้สึกตัวบางส่วน อัตตาพยายามที่จะกระทบยอดความต้องการของ id ความต้องการทางศีลธรรมของ superego และข้อ จำกัด ที่กำหนดโดยความเป็นจริงที่แต่ละบุคคลแทรกเข้ามา

ตามการวิเคราะห์ทางจิตวิเคราะห์ ความขัดแย้งระหว่างเนื้อหาที่รู้ตัวและไม่รู้ตัวของ จิตใจอาจทำให้เกิดการรบกวนและปัญหาทางจิต เช่น ความวิตกกังวลและโรคประสาท

สิ่งสำคัญคือต้องเน้นว่า id, ego และ superego เป็นส่วนหนึ่งของบุคลิกภาพ ไม่ใช่ของสมอง พวกเขาไม่มีการดำรงอยู่ทางกายภาพ

ที่มาของชื่อ ego, superego และ id

คุณรู้ที่มาของชื่อองค์ประกอบบุคลิกภาพหรือไม่? เราได้อธิบายไปแล้วว่า "id" เป็นสรรพนามภาษาละติน ซึ่งเทียบเท่ากับคำว่า "that" ของเราไม่มากก็น้อย “อีโก้” คือ “ฉัน” ในภาษาละติน ตัวอย่างเช่น ปรากฏในคำปราศรัย “Et si omnes Scandizati fuerint in te, ego numquam Scandizabor” (“แม้ว่าทุกคนจะอื้อฉาวในตัวคุณ แต่ฉันก็จะไม่มีวันอื้อฉาว”) ซึ่งพูดโดยเปโตรถึงพระคริสต์ในภูมิฐาน ก การแปลพระคัมภีร์ไบเบิลเป็นภาษาละตินที่มีชื่อเสียงซึ่งจัดทำขึ้นเมื่อปลายศตวรรษที่สี่

ชื่อ ego, superego และ id ได้รับการประกาศเกียรติคุณจากนักจิตวิเคราะห์ชาวอังกฤษ James Beaumont Strachey ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้แปลงานของ Freud เป็นภาษาอังกฤษStrachey ใช้รูปแบบภาษาละตินดังกล่าวเพื่อตั้งชื่อแนวคิดที่ Freud เรียกตามลำดับว่า "das Ich", "das Über-Ich" และ "das Es" โปรดจำไว้ว่าในภาษาเยอรมัน คำนามและคำนามส่วนใหญ่ใช้อักษรตัวแรกเป็นตัวพิมพ์ใหญ่

“Das Ich” หมายถึง “ฉัน” ในภาษาเยอรมัน วลี "Ich bin ein Berliner" ("I am a Berliner") มีชื่อเสียงซึ่งประธานาธิบดีอเมริกัน John Kennedy กล่าวด้วยความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันกับชาวเบอร์ลินในสุนทรพจน์เมื่อเขาไปเยือนส่วนตะวันตกของเยอรมันซึ่งเป็นเมืองทุนนิยมซึ่งแยกออกจาก ภาคตะวันออก , สังคมนิยม , สำหรับกำแพงเบอร์ลิน “Das Über-Ich” จะมีความหมายเหมือนกับ “ตัวตนที่สูงกว่า”

“Das Es” จะมีความหมายเหมือนกับ “the it” เนื่องจาก “es” เป็นคำสรรพนามที่ใช้ในภาษาเยอรมันกับคำนามที่ยอมรับ a neuter article “das” (“er” และ “sie” เป็นสรรพนามที่ใช้สำหรับคำนามที่ยอมรับคำนามเพศชาย “der” และคำนามเพศหญิง “die” ตามลำดับ) ฟรอยด์รับเอาชื่อ "das Es" จากผลงานของแพทย์ชาวเยอรมัน Georg Groddeck แม้ว่าคำจำกัดความของเขาจะแตกต่างจากของ Freud ในขณะที่คนกลุ่มแรกมองว่าอัตตาเป็นส่วนเสริมของ id แต่กลุ่มหลังมองว่า id และ ego เป็นระบบที่แตกต่างกัน

บทสรุป

แม้ว่าคนทุกคน แม้แต่คนที่มีสภาพจิตใจดีที่สุด มีสุขภาพแข็งแรง มีแรงกระตุ้นที่ไม่ลงตัวและแรงจูงใจโดยไม่รู้ตัวใน id จำเป็นต้องให้การกระทำนี้สมดุลกับประสิทธิภาพของอัตตาและหิริโอตตัปปะ เพื่อให้บุคคลสามารถมีปฏิสัมพันธ์อย่างน่าพอใจและมีศีลธรรมกับสภาพแวดล้อมของเขาและกับคนที่เขาอาศัยอยู่ด้วย

จิตวิเคราะห์ โดยมีการพัฒนาเครื่องมือต่างๆ เช่น การเชื่อมโยงความคิดอย่างเสรีเพื่อทำความเข้าใจเนื้อหาที่ไม่ได้สติของจิตใจและรับรู้สิ่งที่สำแดงออกมา มีความไม่ลงรอยกันระหว่างองค์ประกอบต่างๆ ของบุคลิกภาพ มันพยายามช่วยให้บุคคลเข้าใจและสร้างสมดุลระหว่างความต้องการและความจำเป็นในด้านต่างๆ ของเครื่องมือทางจิตของเขา